Yahoo Clever wird am 4. Mai 2021 (Eastern Time, Zeitzone US-Ostküste) eingestellt. Ab dem 20. April 2021 (Eastern Time) ist die Website von Yahoo Clever nur noch im reinen Lesemodus verfügbar. Andere Yahoo Produkte oder Dienste oder Ihr Yahoo Account sind von diesen Änderungen nicht betroffen. Auf dieser Hilfeseite finden Sie weitere Informationen zur Einstellung von Yahoo Clever und dazu, wie Sie Ihre Daten herunterladen.

บทสวดในงานศพแปลแล้วมีความหมายว่าอย่างไรครับ?

ผมฟังพระสวดในงานศพ ที่ขึ้นต้นด้วยกุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา น่ะครับ

อยากทราบความหมายของบทสวดเหล่านี้ครับ

จะได้เข้าใจและเตือนใจตัวเองด้วยครับ

ผมลองหาข้อมูลดู แต่ถึงแม้แปลแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ

หากพี่ๆท่านใดทราบ ช่วยอธิบายแบบง่ายๆให้ผมรู้ด้วย จักเป็นพระคุณยิ่งครับ

3 Antworten

Bewertung
  • vor 1 Jahrzehnt
    Beste Antwort

    บทสวดในงานศพเรียกว่าบทสวดพระอภิธรรมเป็นคำสอนขั้นสูง ที่มีเนื้อหาละเอียดลึกซึ้ง เป็นสุดยอดธรรมของพระพุทธองค์

    พระอภิธรรมไม่ได้กล่าวถึงสัตว์ บุคคล แต่พระองค์ทรงจำแนกธรรมออกเป็นกุศล อกุศล และอัพยากฤต(ธรรมที่ไม่ใช่กุศลและอกุศล)ท่านทรงจำแนกเป็นขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ อันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ซึ่งต้องเสื่อมสลายไปตามสภาวะ ไม่สามารถตั้งอยู่ได้ตลอดไป

    พระอภิธรรมคัมภีร์มี 7 บท (7 คัมภีร์) ตามตำนานพระพุทธเจ้ายกขึ้นมาแสดงแก่พุทธมารดาฟังที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์พร้อมเหล่าเทวดา ได้แก่

    1.พระสังคิณี ว่าด้วยเรื่องธรรมที่เป็นกุศล กับ อกุศล

    2.พระวิภังค์ ว่าด้วยเรื่องขันธ์ 5

    3.พระธาตุกถา ว่าด้วยเรื่องการสงเคราะห์ธรรม

    4.พระปุคคะละปัญญัติ ว่าด้วยที่ตั้งของบุคคล

    5.พระกถาวัตถุ ว่าด้วยความจริงแท้

    6.พระยะมะกะ ว่าด้วยธรรมที่เป็นคู่

    7.พระมหาปัฏฐาน ว่าด้วยที่ตั้งใหญ่

    โดยในครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จไปโปรดพุทธมารดา ได้ยกพระอภิธรรม 7 คัมภีร์เพื่อตอบแทนพระคุณของมารดา จึงเลือกธรรมะแสดงแก่พุทธมารดาฟังที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะเป็นสวรรค์ชั้นกลางๆ เทวดาชั้นต่ำก็สามารถขึ้นไปฟังได้ ชั้นที่สูงกว่าก็ลงมาฟังได้ ทำให้เหล่าเทวดาทั้งหลายได้บรรลุธรรมพร้อมกัน มีพระโสดาบันเป็นเบื้องต่ำ และอนาคามีเป็นเบื้องสูง พุทธมารดาทรงจุติที่สวรรค์ชั้นดุสิต เป็นสวรรค์ชั้นสูงกว่าดาวดึงส์ ใช้เวลาในการแสดง 3 เดือน (1 พรรษา) ปัจจุบันพระสงฆ์จึงใช้ธรรมะหมวดอภิธรรมเป็นบทสวดเนื่องในการสวดอภิธรรมศพ

    สำหรับบทแปลพระอภิธรรมจากภาษาบาลีเป็นภาษาไทย จัดทำโดยพระมหาพรชัย กุสลจิตโต วัดราชสิทธาราม บางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ มีดังนี้

    อ่านคำแปลโดยละเอียดได้ที่ http://www.thaipost.net/index.asp?bk=xcite&post_da...

  • vor 1 Jahrzehnt

    จริงๆ แล้ว บทสวดที่ใช้สวดในงานศพ เรียกว่าพระอภิธรรม ครับ มีทั้งหมด 9 บท ประกอบด้วย

    1.พระสังคิณี

    2.พระวิภังค์

    3.พระธาตุกถา

    4.พระปุคคลบัญญัติ

    5.พระกถาวัตถุ

    6.พระยมก

    7.พนะมหาปัฎฐาน

    8.บังสุกุลตาย

    9.ธัมมะสังคิณีมาติกา

    พระอภิธรรม เป็นธรรมะขั้นสูงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปรมัตถธรรม 4 ประการ อันได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน พระอภิธรรมคือแก่นของพระพุทธศาสนา มีเนื้อหาสุขุมลึกล้ำ อันน้ำไปสุ่ความรู้ความเข้าใขในเรือ่งธรรมชาตของชีวิต เรื่องของกรรมและการส่งผลของการปฏิบัติ เรื่องของภพภูมิต่างๆ เรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด และเรื่องของการปฏิบัติเพื่อพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นจุดหมายอันสุงสุดในพระพุทธศาสนา

    ประโยชน์ที่จะได้รับจากกการศึกษาพระอภิธรรม

    * *จะทราบว่า หลักธรรมคำสอนที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนาคืออะไร และหัวใจของพระพุทธศาสนาอยู่ที่ไหน

    *จะเข้าใจธรรมชาติของร่างกายและจิตใจ ที่รวมกันเป็นชีวิต หรือ ขันธ์ ๕ อันประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญส สังขาร และวิญญาณ

    * จะมีความเข้าใจเรื่องของ "บัญญัติธรรม" และปรมัตถธรรม

    *จะตัดสินได้ด้วยตนเองว่าอะไรคือ บุญ อะไรเป็น บาป

    *จะมีความเข้าใจในเรื่องของการทำบุญมากขึ้น รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้อนิสงส์สูงสุด

    *จะทราบว่า บุญ-บาป ที่ทำไปแล้ว กลับมาส่งผลได้อย่างไร ทำไมคนเราจึงเกิดมาแตกต่างกัน

    *จะทราบว่า ตายแล้วไปไหน ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ นรก สวรรค์ อยู่ที่ไหน

    *เข้าใจกรรมและผลของกรรม(วà¸��บาก) เป็นอย่างดี

    *จะเข้าใจเรื่องของการทำสมาธิและการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่ถูกต้อง

    *จะเข้าใจเรื่อง มรรค ผล นิพพาน อย่างถ่องแท้

    *จะได้รับความรุ้ในสาระอื่นๆ อันเป้นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตอีกมากมาย

    ที่มา: http://www.dhammathai.org/webboard/view.php?No=336...

    บทธรรมที่นิยมแสดงหรือสวดในงานศพก็คือ มาติกาพระอภิธรรมปิฎก หรือพระอภิธรรมมัตถสังคหะ สำหรับมาติกาพระอภิธรรมปิฎก อ่านได้ในพระอภิธรรมปิฎก และอรรถกถา เล่มที่ ๗๕ ขึ้นไป ส่วนพระอภิธรรมมัตถสังคหะ มีแปลเป็นภาษาไทยและมีวางจำหน่ายตามร้านขายหนังสือธรรมทั่วไป

    ....ส่วนมากจะสวดอภิธรรม ปัจจัย 24 เช่น ธรรมที่เป็นกุศล ธรรมที่เป็นอกุศล ธรรมที่ไม่ใช่กุศล ธรรมที่ไม่ใช่อกุศล สวดบท อภิณณหปัจจเวกขณะ เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้ เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไปไม่ได้ เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้ เราจักต้องพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจทั้งสิ้น เรามีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ เป็นบุญหรือบาป เราจักได้รับผลของกรรมนั้น ฯลฯ

    ที่มา: http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?...

  • ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศล ธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศล ธรรมทั้งหลายที่เป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่าไหนเป็นกุศล ในสมัยใด กามาวจรกุศลจิตที่สหรคตด้วยโสมนัส สัมปยุคด้วยญาณเกิดขึ้น ปรารภอารมณ์ใดๆ จะเป็นรุปารมณ์ก็ดี สัททารมณ์ก็ดี คันธารมณ์ก็ดี รสารมณ์ก็ดี โผฏฐัพพารมณ์ก็ดี ธรรมารมณ์ก็ดี ในสมัยนั้น ผัสสะ ความฟุ้งซ้านย่อมมี อีกอย่างหนึ่งในสมัยนั้น ธรรมเหล่าใดแม้อื่น มีอยู่ เป็นธรรมที่ไม่มีรูป อาศัยกันและกันเกิดขึ้น ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล.

    ธรรมะ ๓ อย่าง

    ทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ในสัจจะที่เป็นตัวความจริง จึงได้ตรัสแสดงไว้ทั้งหมด ว่าธรรมะคือส่วนที่ทรงอยู่ดำรงอยู่นี้มีเป็น ๓ คือ

    กุสลาธรรมา ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศล

    อกุสลาธรรมา ธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศล

    อัพยากตาธรรมา ธรรมทั้งหลายที่เป็นอัพยากฤตคือไม่ใช่กุศลไม่ใช่อกุศล

    กุสลาธรรมา อกุสลาธรรมา...

    เมื่อจะชี้ตัวอย่างธรรมะที่เป็นส่วนกุศล ก็ได้มีอยู่ในบุคคลผู้เกิดมาเป็นมนุษย์ ยกข้อที่สำคัญที่สุดก็คือ สชาติปัญญา ปัญญาที่ได้มากับชาติคือความเกิด พร้อมทั้งสังขารร่างกาย จิตใจ อันพร้อมที่จะได้ปฏิบัติกระทำในทางพัฒนา คือทำให้เกิดความเจริญ นี้เป็นตัวอย่างของกุศลธรรม

    ส่วนที่เป็นอกุศลธรรมนั้น ก็ยกตัวอย่างได้แก่ สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย ที่ไม่ได้ สชาติปัญญา มาเหมือนอย่างมนุษย์ มีร่างกายพร้อมทั้งจิตใจไม่อาจที่จะปฏิบัติ พัฒนาให้บังเกิดความเจริญ

    อัพยากตาธรรมา...

    ส่วนที่เป็นกลางๆนั้นก็หมายถึงร่างกายและจิตใจเองที่ได้มาโดยธรรมชาติธรรมดา ตลอดจนถึงการกระทำที่เป็นไปตามธรรมชาติธรรมดา เช่นการ ยืน เดิน นั่ง นอน การบริโภค การถ่าย ซึ่งเป็นไปตามธรรมดาของร่างกาย

    เหล่านี้นับว่าเป็นของกลางๆ เช่นคนที่ต้องยืนเดินนั่งนอน ต้องกินดื่มทำพูดคิดต่างๆเป็นต้นดังกล่าว ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นบุญ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เรียกว่าบาปไม่ใช่เป็นสิ่งที่เรียกว่าความดี ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เรียกว่าความชั่ว

    รวมความตามความเข้าใจของอิฉันเองก็คือ...

    กุศลธรรม หรือ ความดี คือ ธรรมะ

    อกุศลธรรม หรือ ความชั่ว คือ ธรรมะ

    อัพยากฤตธรรม หรือ ความเป็นกลาง ไม่ดีและไม่ชั่ว ก็คือ ธรรมะ

    และเมื่อเราวางใจให้เป็นกลาง มองทุกสิ่งในโลกได้ราบเรียบเสมอกันเมื่อใด นั่นเท่ากับการเดินทางอันแสนไกลของเราได้สิ้นสุดลงสักที

    Quelle(n): http://larndham.net/index.php?showtopic=32683 http://www.mahayana.in.th/tsavok/tape/074.htm ความคิดเห็นส่วนตัว
Haben Sie noch Fragen? Jetzt beantworten lassen.